ฮอลแลนด์ บอล

ฮอลแลนด์ บอล

ฮอลแลนด์ บอล ฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ (ดัตช์: Nederlands voetbalelftal) เป็นทีมฟุตบอลประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ภายใต้ราชสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ มีฉายาในภาษาไทยว่า “อัศวินสีส้ม” เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของโลก โดยเนเธอร์แลนด์มีผลงานสูงสุดในฟุตบอลโลกคือ ได้รองชนะเลิศ 3 สมัยในฟุตบอลโลก 1974, ฟุตบอลโลก 1978 และฟุตบอลโลก 2010 และชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 1 สมัยในฟุตบอลยูโร 1988 รองชนะเลิศยูฟ่าเนชันส์ลีก 1 สมัยในยูฟ่าเนชันส์ลีก 2019 รอบสุดท้าย และคว้าเหรียญทองแดง 3 สมัยในกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ. 1908, 1912 และ1920

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้รับฉายาว่า “Clockwork Orange” ในช่วงที่ได้ชื่อว่าเล่นได้ตามกลยุทธ์โททัลฟุตบอลที่มีการต่อบอลได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ยังเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “ทีมชาติฮอลแลนด์”

ประวัติ ฮอลแลนด์ บอล

ยุคแรกของทีม (1865-1938)

ชาวอังกฤษแนะนำฟุตบอลให้รู้จักฮอลแลนด์หรือฮอลแลนด์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2408 และตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็มีความคิดใหม่สำหรับเกมของพวกเขาเอง หลังจากถูกไล่ออก พวกเขาได้ลงเล่นนัดแรกในทีมชาติเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2448 ในชัยชนะ 4–1 เหนือเบลเยียมที่อยู่ใกล้เคียง โดย Adi de Nefer ทำคนเดียวสี่ประตู

จากนั้นเขาได้เหรียญทองแดงในกีฬาโอลิมปิกในปี 1908 และ 1912 และหลังจากปฏิเสธคำเชิญจากฟีฟ่าเมื่อ 4 ปีก่อน เขามีโอกาสเล่นฟุตบอลโลกในปี 1934 และ 1938 แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ลีกอาชีพที่แยกออกมาคือ สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการซื้อขายผู้เล่นกับสโมสรต่างประเทศ

ยุคทองของสามทหารเสือและแชมป์ฟุตบอลยุโรป

การตั้งลีกอาชีพในปี ค.ศ. 1954 ทำให้มาตรฐานการเล่นของทีมดีขึ้นมาจนกระทั่งในยุคทศวรรษที่ 70 ก็มีนักเตะชื่อดังอย่างโยฮัน ไกรฟฟ์, โยฮัน เนสเกินส์ และรืด โกรล ในรูปแบบการเล่นที่เรียกว่าโททัลฟุตบอล ที่เน้นการต่อบอลที่แม่นยำ และการเคลื่อนที่อันเป็นเอกลักษณ์ ภายใต้การคุมทีมของรีนึส มีเคิลส์ พร้อมด้วยการมีสโมสรชั้นนำอย่างอาแจ็กซ์ ซึ่งเนเธอร์แลนด์ได้เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 1974 แต่ไปแพ้ให้เยอรมนีตะวันตก 1-2 อย่างน่าเสียดาย

และในยูโร 76 เนเธอร์แลนด์คว้าอันดับ 3 มาครองได้ รวมทั้งฟุตบอลโลก ค.ศ. 1978 มีโอกาสได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งแต่ก็ไปแพ้ให้กับอาร์เจนตินา เจ้าภาพ 1-3 จากนั้นฟุตบอลของเนเธอร์แลนด์เริ่มจะก้าวสู่ช่วงขาลงไปพร้อม ๆ กับยุคของโยฮัน ไกรฟฟ์ จนกระทั่งมาถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นยุคของรืด คึลลิต, ฟรังก์ ไรการ์ด และมาร์โก ฟัน บัสเติน ซึ่งเรียกว่า “สามทหารเสือ” ทำให้วงการฟุตบอลดัตช์กลับมารุ่งเรื่องได้อีกครั้ง และสามารถคว้าแชมป์ยูโร 1988 ได้สำเร็จโดยเอาชนะสหภาพโซเวียตไปได้ในนัดชิงชนะเลิศ 2-0 ซึ่งนั่นถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเนเธอร์แลนด์เพียงรายการเดียวตราบจนถึงทุกวันนี้

ความล้มเหลวในรายการใหญ่ (1990-2008)

อย่างไรก็ตามในฟุตบอลโลก ค.ศ. 1990, ค.ศ. 1994, ค.ศ. 1998 และยูโร 1992-ยูโร 1996 ผลงานของทีมออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และในยูโร 2000 ที่เนเธอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพร่วมกับเบลเยียมก็ตกรอบรองชนะเลิศเมื่อแพ้อิตาลีในการดวลจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย ในฟุตบอลโลก ค.ศ. 2002 เนเธอร์แลนด์ไม่ผ่านเข้าแข่งขันรอบสุดท้าย ส่วนผลงานในยูโร 2004, ฟุตบอลโลก ค.ศ. 2006 และยูโร 2008 ก็ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในยูโร 2008 ที่เนเธอร์แลนด์ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่ม โดยเอาชนะรวดได้ทั้งสามนัดแม้อยู่ร่วมกลุ่มกับทีมเต็งอย่างฝรั่งเศสและอิตาลี แต่พวกเขากลับตกรอบที่สองในการแข่งขัน โดยแพ้ให้กับทีมชาติรัสเซียไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-3

รองแชมป์โลกสมัยที่ 3 (2010)

ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพภายใต้การนำของผู้จัดการทีม เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ เนเธอร์แลนด์ชนะการแข่งขันรอบคัดเลือกโซนยุโรป 8 สมัยติดต่อกันในกลุ่ม 9 และนัดชิงชนะเลิศผ่านเข้ารอบคัดเลือกโซนยุโรปเป็นครั้งแรก เนเธอร์แลนด์ชนะการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มทั้งสามนัด ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก และ แคเมอรูน เอาชนะ สโลวาเกีย 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และ เอาชนะ อุรุกวัย 2-1 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนเจอกับ แชมป์อย่าง บราซิล ครับผม ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี และเล่นกับทีมชาติสเปน อย่างไรก็ตาม เราแพ้ 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ยูโร 2012

ในการแข่งขันยูโร 2012 เนเธอร์แลนด์เป็นทีมหนึ่งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้เป็นแชมป์ แต่พวกเขากลับตกรอบแรกอย่างน่าผิดหวัง แม้จะมีนักเตะชั้นนำในทีมมากมาย อาทิ โรบิน ฟัน แปร์ซี, อาร์เยิน โรบเบิน, เวสลีย์ สไนเดอร์ และมาร์ก ฟัน โบมเมิล โดยไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยในรอบแบ่งกลุ่ม โดยแพ้ให้กับเดนมาร์ก, เยอรมนี และโปรตุเกส เสียประตูไปทั้งสิ้น 5 ลูก และยิงได้เพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น

อันดับสามในฟุตบอลโลก 2014

ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ เนเธอร์แลนด์ภายใต้การคุมทีมของ ลูวี ฟัน คาล ไม่ได้เป็นทีมที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้แชมป์หรือเป็นทีมเต็งมาตั้งแต่ต้น ยิ่งไปกว่านั้น นักฟุตบอลกว่าครึ่งทีมเป็นนักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่ส่วนมากยังไม่เคยผ่านการแข่งขันระดับใหญ่มาก่อนและเล่นอยู่ในลีกภายในประเทศ เช่น เฟเยนูร์ด และอาแจ็กซ์  แต่เนเธอร์แลนด์ซึ่งอยู่ในกลุ่มบีก็สามารถเก็บชัยชนะรวดได้ทั้ง 3 นัด โดยประเดิมสนามเป็นฝ่ายเอาชนะทีมชาติสเปนซึ่งเป็นแชมป์เก่าและเป็นคู่ชิงชนะเลิศในฟุตบอลโลกครั้งที่แล้วไปได้ถึง 5-1 อย่างพลิกความคาดหมาย ตามด้วยการเอาชนะทีมชาติออสเตรเลียและชิลีได้ในสองนัดถัดมา ก่อนจะเอาชนะทีมชาติเม็กซิโกไปได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2-1

เนเธอร์แลนด์สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศพบกับ อาร์เจนตินา ทั้งคู่เสมอกันในเวลาปกติและยังเสมอกันอีกในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที 0-0 จึงต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ปรากฏว่าเนเธอร์แลนด์เป็นฝ่ายแพ้อาร์เจนตินาไป 2-4 ต้องไปแข่งชิงอันดับสามกับบราซิล เจ้าภาพ ซึ่งเนเธอร์แลนด์ฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-0