ฉันอาจจะรอดไปจากงัวตัก แม้ว่าคงไม่รอดจากพื้นแผ่นดินร้อน

สมมติว่าอีกทั้งไม่ลดการช่างแก๊สปรากฏการณ์เรือนกระจก แหล่งหล้าของฉันจะจากไปจรดสิ่งกลมๆที่เปล่าสามารถหวนกลับได้ต่อจากนั้น ณระยะเปล่าหูกปีลงมาตรงนี้ภาวะโลกร้อนริเริ่มส่งผลกระทบสาหัสขึ้น ไม่ว่าจักเป็นคลื่นเดโชสถานที่จู่โจมในแปลง (ใช้แก่ที่)ทวีปยุโรป หรือว่าอุณหภูมิแถบอาร์กติกดอนเป็นประวัติการณ์ ประดานักวิทยาศาสตร์ให้สัญญาณเตือนมาตลอดแหว สมมติว่าอีกต่างหากเปล่าลดงานช่างก๊าซเรือนกระจก โลกสิ่งของอิฉันจักจากไปจรดดวงสถานที่ไม่สมรรถหวนกลับได้มาหลังจากนั้น เพราะเหตุนี้การสัมมนาว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงสิ่งของสภาพอากาศที่กรุงกรุงปารีสแล้วก็ทำข้อตกลงกรุงปารีส (Paris Agreement) พอพรรษา 2015 ตวาดจะช่วยกันตัดทอนการช่างแก๊สเรือนกระจกเพื่อที่จะควบคุมไม่มอบอุณหภูมิแหล่งหล้ามากขึ้นพ้น 2 องศาเซลเซียสขนมจากอุณหภูมิแห่งระยะเวลาก่อนกำหนดอุตสาหกรรม ด้วยกันจะมุมานะอย่างหนักเปล่าแยกออกพ้น 1.5 เซลเซียสเพราะโครงการที่แวดล้อมสถานที่ยูเอ็น (UNEP) บอกว่ากรรมวิธีที่จะกำกับไม่มอบอุณหภูมิเพิ่มพูนเลย 1.5 องศาเซลเซียสคือว่า จำต้องตัดทอนงานปล่อยก๊าซปรากฏการณ์เรือนกระจกมอบได้ 7.6% ทุกปีนับตั้งแต่ปี 2020-2030แต่ว่าล่าสุด UNEP เตือนตวาดแม้แต่เว้นแดนจะทำตามข้อกำหนดกรุงปารีสต่อจากนั้น อุณหภูมิสิ่งของโลกก็อีกต่างหากจะมากขึ้นเลย 1.5 องศาเซลเซียสภายในพรรษา 2030-2052 ซึ่งอีกทั้งอยู่ณช่วงชีวิตสรรพสิ่งผู้อาวุโสและลูกที่ทั้งเป็นอยู่แห่งช่วงปัจจุบัน ด้วยกันจักพุ่งขึ้นไป 3 เซลเซียสภายในปี 2100 ไม่ก็อีก 80 ชันษาตรงหน้าสมมติว่าพื้นโลกร้อนขึ้นไป 3 องศาจะก่อเกิดอะไรขึ้นไปบ้างน้ำแข็งเปล่าขั้วโลกเหนือฉลายเนื้อที่แปลง (ใช้แก่ที่)อาร์กติกคงจะมาถึงชั้นแห่งหนเปล่าสมรรถทำซ้ำเจียรครอบครองเสมอเหมือนเก่าแก่ได้มา อุณหภูมิตระธุวมณฑลจะดำเกิงขึ้นไปเร็วกระทั่งอุณหภูมิหารของแหล่งหล้า ซึ่งมีผลแยกออกระดับน้ำแข็งด้วยกันลำธารน้ำแข็งเปล่าเสียน้ำแข็งเจียรอย่างกับ 400 เหลี่ยมลูกบาศก์กิโลเมตรใน 40 ชันษาครั้นอาทิตย์เดิมประกอบด้วยรายงานว่า เขตขั้วโลกเหนือตระดวงอาร์กติก (Arctic Circle) มีอุณหภูมิมากมายเป็นประวัติการณ์ที่ 38 องศาเซลเซียส ทั้งที่อุณหภูมิเฉลี่ยแห่งหน้าร้อนแห่งแถบตรงนั้นเหมือน 13.2 เซลเซียสขนาดนั้น กับในตระไซบีเรียอีกทั้งร้อนผิดปกติกระเป๋าแห้งเกิดไฟป่าในเหลือแหล่เนื้อที่พอสายธารน้ำแข็งเปล่าสลายก็จักส่งผลดามระดับน้ำทะเล ข้างในชันษา 2050 เมืองฝั่งถิ่นที่อยู่ด้อยระดับน้ำทะเลกว่า 570 เมืองทั่วโลก อาทิ นิวยอร์ก ไเขามอามี กรุงเทพฯ เซี่ยงไฮ้ เมืองหลวงจาการ์ตา มีสิทธิ์ถูกน้ำเค็มท่วม ส่งผลแตะต้องกับดักประชาราษฎร์เช่น 800 โล้นคน ด้วยกันภายในชันษา 2100 น้ำเค็มจะมากขึ้นราวกับ 1 เมตรน้ำแข็งเปล่าทะเล (Sea Ice) ทลายเป็นประจำน้ำแข็งเปล่ามหรรณพแห่งหนมีหิมะหุ้มปฏิบัติราชการก้องกังวานเดโชขนมจากแสงแวบอาทิตย์กลับไปนอกแหล่งหล้าเช่น 80% ขณะที่อรรณพซับรังสีจากดวงอาทิตย์ 95% แม้ว่าพอน้ำแข็งเปล่าทะเลเริ่มสลาย พื้นผิวใบหน้าสรรพสิ่งทะเลก็มากมายเพิ่มพูน มากมายดูดซับเดโชลงมาสั่งสมไม่มีเงินอุณหภูมิดำเกิงขึ้น เป็นเหตุให้น้ำแข็งเปล่าเปล่าสมรรถก่อตัวได้แห่งหน้าหนาว เมื่อไม่มีน้ำแข็งก้องกังวานเดโชกลับมา อรรณพก็ยิ่งดูดเดโช กลายเป็นวงจรกระหน่ำยิ่งไปกว่านี้ เมื่ออรรณพร้อนขึ้นไปอีกต่างหากปฏิบัติราชการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คว้าลดน้อยลง เป็นเหตุให้ก๊าซกลุ่มนี้สั่งสมสิงสู่ณระดับบรรยากาศและเป็นเหตุให้แหล่งหล้าร้อนขึ้นไปชั้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) ทลายPhoto By Yukon 2012 Expedition by the COPER group of the Alfred Wegener Institute in Potsdamชั้นดินเยือกแข็งก็เปล่าแตกต่างจากกลักหางนกดอร่า หรือไม่ก็กลักที่ภัยพิบัติตามตำนานสิ่งของชาวกรีก เพราะครอบครองอู่แช่แข็งบักเตรีด้วยกันเชื้อโรคปะปนกัน เก็บอุดมนับโพกผ้าๆ ชันษา หรือไม่ก็คงจะดำรงฐานะเลี่ยนชันษาเพื่อรอคอยการคืนชีวิตินทรีย์ พอชั้นดินเยือกแข็งสลายเพราะว่าพื้นโลกร้อน เชื้อโรคระยะเวลาเก่าเหล่านี้จะถูกปลดเปลื้องออกมาพอจันทรา ส.ค. 2016 ประกอบด้วยเด็กชายวัย 12 ชันษาที่สิงสิงสู่แห่งแหลมพนักงานตรวจตราัลแห่งแถบไซบีเรียสิ่งของโซเวียตสิ้นชีวิต ด้วยกันประชาชนอีกอย่างน้อย 20 รายมีอาการป่วยหลังจากติดเชื้อแอนแทร็กซ์ แคว้นขั้วโลกเหนือร้อนตกขอบ อุณหภูมิปัด38องศา 22 เดือนที่ 4 Earth Day วันปกปักรักษาโลก ประกอบด้วยการสมมติตวาดพอ 75 ปีเดิมประกอบด้วยโขยงมิคเตะลีตะลานเดีงามยร์ตายเพราะว่าโรคแอนแทร็กซ์ โดยสถานที่ซากปรักหักพังของเหล่ามันก็ไม่ผิดฝังสิงสู่ล่างน้ำแข็งเปล่า จวบจนกระทั่งก่อเกิดลูกคลื่นความร้อนพอพรรษา 2016 ทำเอาชั้นดินเยือกแข็งฉลาย น้ำเชื้อแอนแทร็กซ์แล้วจึงถูกให้เสรีภาพออกมาปนเปื้อนแห่งดินกับธารากระเป๋าแห้งไปสู่พะวงโซ่ของกิน เพราะว่าระยะแรกมียองเตะลีตะลานเบริสุทธ์ยร์ติดเชื้อตายกว่า 2,000 เนื้อตัว ก่อนกำหนดจักชิดสู่มนุชระลอกคลื่นความร้อนระลอกคลื่นความร้อนณมากมายๆ ด้าวต้นตอขึ้นนานๆ ครั้งคราวจักกลายเป็นเหตุสามัญด้วยกันเกิดขึ้นปกติรายปี สถานที่ไม่ดีก็คือว่า สมมติว่าลูกคลื่นเดโชมากขึ้นความร้ายแรงขึ้นไปกระเป๋าแห้งอุณหภูมิสรีระคนแตะต้อง 41 องศาเซลเซียส ระเบียบควบคุมอุณหภูมิสิ่งของสรีระจะจอดทำงาน อาทิ เปล่าผลิตหยดเหงื่อ หายใจสะดุ้งตื่นกับเร็ว สมองจักริเริ่มฉีกโลหิต กับอวัยวะภายในทะลาย โอกาสอันควรจบชีวิตประกอบด้วยสูงระบบนิเวศพังทลายกว่า 40% ของป่าเล็กมะซอนซึ่งครอบครองกลัวสิ่งของพื้นโลกจะถูกคร่า ทำเอาเมทินีครอบครองเดโชจำเริญกระเป๋าแห้งพืชยืนต้นจบชีวิตด้วยกันบ้วนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแทนที่จะดูดเก็บตามธรรมดา ประกอบด้วยความคาดหมายว่าต้นสถานที่ตายจักช่างคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 500 ตัน สุดท้ายรูปการณ์เหล่านี้ก็ยิ่งกระตุ้นมอบภาวะโลกร้อนห่วยลง ยิ่งไปกว่านี้ คนราวกับ 1 แห่ง 3 บนโลกจักเจอะเจอกับการสูญพันธุ์พายุรุนแรงขึ้นไปประเทศแถบชายหาด เป็นพิเศษชายหาดตะวันตกสรรพสิ่งสหรัฐกับทะเลเม็กซิโก ด้าวแถบแคริบเบียน แปซิฟิก ด้วยกันทะเลเบงกอล จะพบเห็นพายุเฮอร์ริเคนแห่งหนแรงขึ้นชนิดแห่งหนไม่เคยพบเห็นลงมาก่อน ด้วยเหตุที่อุณหภูมิสายธารในอรรณพดอนขึ้นเป็นเหตุให้พายุมากขึ้นกำลังกายกะรังฟอกเกเรรตแบร์ริเออร์รีฟ แนวปะการังชายหาดสถานที่ใหญ่สุดโต่งแห่งพื้นโลกของออสเตรเลียฟอกขาวเสียชีวิต Photo by Handout / JAMES COOK UNIVERSITY AUSTRALIA / AFPระยะก่อนกำหนดทศวรรษ 1970 อุณหภูมิแห่งมหรรณพไม่เคยร้อนจวบจนกระทั่งก่อกำเนิดกะรังฟอกเสียชีวิต แต่ว่าหลังจากที่โลกริเริ่มร้อนขึ้นไปอีก 0.5 องศาเซลเซียส ปรากฏการณ์ฟอกขาวก็เกิดถี่ขึ้น แต่ว่าถ้าพื้นโลกดีฉันยังร้อนขึ้นไปต่อเนื่อง กะรังกลุ่มนี้จะฟอกขาวสิ้นชีวิตมากขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีเงินอาจหายป่วยไปหมดด้วยกันเหลือแหล่ปรากฏการณ์ข้างต้นคงจะไม่ไหวบังเกิดกับดักคนต่อหน้า เสียแต่ว่าบ๊วยต่อจากนั้นความกระทบกระเทือนทั้งปวงจะย้อนกลับมาถึงตัวเราไม่ช้าไม่นานแต่ว่าแห่งระยะที่ Covid-19 ระบาด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยกันมลภาวะที่ถูกวางธุระสู่ชั้นบรรยากาศจักลดลงชั่วคราวสาเหตุจากมาตรการล็อกดาวน์และการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เสียแต่ว่าสมมติว่าเศรษฐกิจกลับฟื้นตัวใหม่งานวางธุระแก๊สปรากฏการณ์เรือนกระจกจักหวนกลับแรงอีกหรือว่าคงตรากตรำกระทั่งเดิมทีเพื่อทดแทนผลเสียแห่งระยะกักโรคด้วยกันอีกต่างหากประกอบด้วยความเป็นไปได้แห่งหนรัฐบาลกระยาเลย จะละเลยความมุ่งหมายงานลดแก๊สปรากฏการณ์เรือนกระจกสถานที่เคยชินมุ่งมั่นห้ามเก็บ ก็เพราะว่าจำต้องยกระดับสุขทุกข์สรรพสิ่งประชาชนอีกครั้ง หลังจากที่สะดุดจากไปจำเนียรแหล่พระจันทร์หรือไม่ก็คงลากเส้นแวงเหลือแหล่ชันษาตัวอย่างสถานที่ชัดแจ๋วตกว่า หลังจากวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลกณพรรษา 2007-2009 การวางธุระคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกลดลง 1.4% ณปี 2009 กลับเพิ่มพูนจด 5.9% ในชันษา 2010เห็นกระจ่างตวาดมลพิษทางอากาศลดน้อยลงแค่เล็กน้อยณช่วงเศรษฐกิจตะลึง แม้ว่าพอถึงโอกาสอันควรแห่งหนเศรษฐกิจหวนกลับฟื้น ก็หวนกลับเพิ่มพูนอย่างรุนแรงอีกครั้งสำหรับตอนนี้ฉันคงจะคลาดแคล้วจากงัวป่องนาเชื้อไวรัส แม้ว่าคงไม่รอดขนมจากสถานะที่เป็นอยู่แหล่งหล้าร้อน