อีโคโนมิสต์จวกแนวทางจำนำภัต

พาหะนอกวิพากษ์วิจารณ์แนวทางจำนำข้าวของเครื่องใช้รัฐบาลไทย ห้ามไม่โปร่งแสง แถมพกไทยคงชำรุดยศผู้ส่งออกภัตรายใหญ่มากของโลก เว็บไซต์แมกกาซีนดิอีวัวโนมิสต์ ออกโรงให้ความเห็น ‘แผนรับสารภาพแปะโป้งภัต’ สรรพสิ่งรัฐบาลแหลมทอง เพราะว่าได้มาถามถึงความโปร่งสบายชัดเจน ผลดี ตลอดจนความคงทนถาวรสรรพสิ่งโครงการผู้คนแบบดังที่กล่าวมาแล้ว พร้อมห้ามว่า ความชื่นชอบที่รัฐบาลเสี่ยงดิ่งลงอย่างหนักถ้าหากแผนการดังกล่าวทะลาย ขณะเมื่อราคาอาหารไทยสถานที่สลัดสูงศักดิ์ขึ้นไปคงส่งผลมอบไทยจำต้องเสียสถานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่มากสรรพสิ่งพื้นโลกมอบกับเวียดนามไม่ก็ประเทศอินเดียในอนาคตสิ่งเกือบเสนอระบุตวาด ปัญหาเสาสรรพสิ่งแผนการดังกล่าวคือ งานขาดความโปร่งแจ้ง เช่น จำนวนรวมอาหารแห่งรัฐบาลเก็บสต็ทรวงอก ช่วงสถานที่รัฐบาลถ่ายเทภัตออกสู่ท้องตลาด ตลอดจนสนนราคาแห่งทำการค้า ซึ่งสุดท้าย จะมีผลแตะประกบประโยชน์ที่ชาวไร่ชาวนาจักได้มา ด้วยกันอนาคตสิ่งของตัวแผนการเองทั้งนี้ ช่วงปัจจุบัน รัฐบาลประเทศไทยพละเก็บสต็ใจภัตแห่งจำนวนเยอะแยะ โดยจำนวนทายระบุดุ ผลรวมนั้นอาจจะสูงจด 10 ล้านตัน นักวิเคราะห์แสดงเสียงว่า การตัดสินใจดังที่กล่าวมาแล้วถือเป็นความสถานที่พลั้งเผลอตั้งแต่แรก ก็เพราะว่าไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยเข็นสนนราคาภัตที่ตลาดโลกมอบสูงศักดิ์ตามที่รัฐบาลคว้าพยากรณ์ไว้ แม้ว่ายังมีผลมอบรัฐบาลเริ่มประสบปัญหาโกดังเอ่อล้นไม่มีเงินสุดท้ายคงประกอบด้วยคลังสินค้าเก็บสต็อกอาหารไม่พอขณะเดียวกัน งานเก็บสต็ใจภัตก็พลังส่งผลแตะต้องอย่างหนักทาบบรรดาผู้ส่งออกอาหารรายย่อยของไทย ต่างด้าวแลดูไทย สกัดงัวตักได้เพราะว่าคนไทยสมรู้ร่วมคิดห้าม จริงหรือไม่ก็? บิ๊กที่มั่นศิลปินในทางอื้ออึงที่ทวีปเอเชีย “การหยุดสต็อกภัตในจำนวนมากมายสิ่งของรัฐบาลพลังบั่นทอนประสิทธิภาพที่การส่งออกสิ่งของทั้งหลายผู้ส่งออกอาหารรายย่อยอย่างแรง เพราะไม่เพียงแต่จะหลงเหลืออาหารปันออกแลกเปลี่ยนโกร๋งเกร๋งหลังจากนั้น แต่พวกนี้อีกต่างหากต้องพบเห็นปัญหาราคาอาหารรุ่งเรืองอีกด้วย ซึ่งทำให้ทำการค้าได้มาเลว”รายงานเจาะจง ครบครันเตือนว่า ผู้ส่งออกมากมายรายอาจจะพบวิกฤตถึงขั้นการทำงานเสื่อมเสียได้มาทั้งนี้ นักวิเคราะห์คิดว่า ความล้มเหลวสิ่งของโครงการรับสารภาพจำนำเครื่องใช้รัฐบาลกลุ่มเพื่อประเทศไทยคงคือคะแนนนิยมสถานที่ลดน้อยลง ซึ่งจักเป็นผลดีประกบพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีสิทธิได้หวนคืนไปสู่สิทธิซ้ำ นอกจากนี้ อีกต่างหากเตือนตวาด แผนการดังที่กล่าวมาแล้วจักมีผลมอบไทย ซึ่งดำรงฐานะส่งออกข้าวรายใหญ่มากสิ่งของพื้นแผ่นดินลงมาช้าถึง 30 พรรษา จำเป็นจะต้องเสียระดับดังกล่าวมอบกับเวียดนามไม่ก็อินเดีย ด้วยเหตุที่ปัจจุบัน สนนราคาข้าวประเทศไทยสูงขึ้นกว่าประเทศอื่นๆ มาก โดยอยู่ที่ 500 เหรียญตราสหรัฐ (อย่างกับ 15,000 บาทา) ทาบหนึ่งพันกิโลกรัม ขณะเมื่อสนนราคาเครื่องใช้ศัตรูสิงสู่ระหว่าง 200300 เหรียญตราสหรัฐ (อย่างกับ 6,000-9,000 บาทา) เพราะว่าตัวเลขล่าสุดสิ่งของสถาบันค้นคว้าเพื่อการพัฒนาแหลมทอง ระบุว่า การส่งออกเครื่องใช้แหลมทองตรงลงไปยอมอย่างแรงถึง 44% แห่งปีตรงนี้ นอกจากสนนราคาอาหารประเทศไทยจักสูงกระทั่งศัตรูแล้ว แม้ว่าขณะเดียวกัน แดนผู้ส่งออกภัตรายอื่นๆ ได้มาประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีพลิกแพลงเพื่อที่จะยกฐานะความเก่งกาจแห่งการแข่งขัน ซึ่งจักมากมายมีผลกระทบมอบข้าวแหลมทองทำการค้าได้ยากขึ้นไปแห่งตลาดโลก เป็นพิเศษครั้นเหลือแหล่ด้าวเริ่มให้ความสำคัญกับดักการนำเข้าไปอาหารในจำนวนมากรับช่วงการนำเข้าไปข้าวคุณค่าสูงศักดิ์ได้แก่ เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันได้มายกระดับคุณภาพภัตหอมมะลิเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับข้าวหอมมะลิของประเทศไทยได้มางอกงาม โดยจุดเด่นสรรพสิ่งข้าวหอมมะลิเวียดนามคือ ขนาดที่จักประกอบด้วยคุณภาพรบราข้าวไทยไม่ไหว แต่ว่านับครอบครองอาหารคุณภาพดีแห่งมีราคาต่ำส่งผลปันออกเวียดนามสมรรถแซงแหลมทองตกเป็นผู้ส่งออกภัตรายใหญ่สุดๆไปยังฮ่องกงได้สำเร็จ “สนนราคาข้าวหอมมะลิสิ่งของไทยอยู่แห่งราวกับ 1,020-1,030 ตราสหรัฐ (ราวกับ 30,600-30,900 เท้า) ทาบหนึ่งพันกิโลกรัม ขณะเมื่อภัตหอมมะลิเวียดนามมีราคาสิงสู่ที่615-625 เหรียญสหรัฐ (เช่น 18,450-18,750เท้า) ประกบตัน”เว็บไซต์ข่าวไซ่ง่อนจีอ้วนเดลี บอกล่าสุด รอยเตอร์สรายงานว่า ราคาข้าวเวียดนามประกอบด้วยการปรับตัวขึ้นไปทีละน้อยๆข้างหลังรัฐบาลเริ่มหันมาเก็บสต็ทรวงอกภัตงอกงามซึ่งเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดสิ่งของหลักแทรกแซงสนนราคา แต่ นักวิเคราะห์ทายว่า หลักดังที่กล่าวมาแล้วจะเปล่าส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเวียดนามยิ่งนักมากหลายตามที่ข้าวเวียดนามยังคงต้องประกวดของคาวกัมพูชากับพม่า ซึ่งมีประโยชน์ต่ำกว่า