กิจธุระ-ประชาชนขาดสภาพคล่องตรากตรำมากมันสมอง..หลุมพรางฟื้นเศรษฐกิจแหลมทอง

แนวเศรษฐกิจรอบก้ำ งานถลกพื้นที่เศรษฐกิจเฟส 4 ต่อเนื่องจากไปเฟส 5 พอให้การทำงานต่างๆ ได้มาก้าวหน้ากลางเมืองประกอบด้วยที่ทำมาหากินลงมาถูกทางต่อจากนั้น ความเสี่ยงจากการติดโรคมีแม่นมั่นเสียแต่ว่าที่ผ่านมาคณะหมอทำกันได้ดีประกอบด้วยผู้ตาย 58 รายอุปมัยกับดักแต่ละจันทร์ประกอบด้วยผู้ประสบอุบัติเหตุตายจากการเดินทางทางถนนหารดวงเดือนละ 1,900 รายหรือมนุษย์แห่งจบชีวิตขนมจากการจมน้ำแบ่งจันทร์เว้น 334 รายสถานที่ยกมาเพื่อจะแสดงให้เห็นดุชีวิตประจำวันจำเป็นต้องสิงสู่กับงัวตัก-19 จ่ายได้มิได้มัวแต่กำกับโปงอยู่แห่งบ้าน แห่งหนต้องทำควบคู่กันไปคือประกอบด้วยมาตรการดูแลเข้มปีกสาธารณสุขโดยเฉพาะการท่องเที่ยวข้ามชาติ หมายรวมงานที่จะมอบประกอบด้วย “Travel Bubble” จำเป็นต้องประกอบด้วยมาตรการรองรับจ่ายดีเพราะว่าเป็นการเสี่ยงเมื่อๆกับงานเปิดผับกับผับการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจครอบครองตรอกของด้าวกับอีกมากประเทศจนถึงจักมีงานค้นพบวัคซีนแต่ละอาชีพแตกต่างสร้างจากไปตามหน้าที่อาทิคณะแพทย์ช่วงอีกทั้งปราศจากวัคซีนต้องออกมาแนะนำตัวมาตรการปะปนกันแห่งหนจำเป็นเพื่อเปล่าจ่ายประกอบด้วยการระบาดรอบนวชาตเมื่อมีคนป่วยติดโรคก็ต้องพิทักษ์ขณะที่กลางเมืองจำเป็นต้องสอดส่องตัวเองเพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องสรรพสิ่งชีพจำเป็นจะต้องมอบทั้งหมดอาชีพหวนกลับทำเงินดังที่รัฐบาลไม่สมรรถเลี้ยงคนในประเทศกว่า 66 เลี่ยนคนผู้คนเวลานี้หนักใจมาก ละเว้นผู้ที่ทำงานใช้ค่าตอบแทนรายเดือนของประเทศหรือไม่ก็มีอาชีพแห่งหนไม่ผิดส้มพลัดตกขนมจากตอนวัวตักระบาด อาทิ จีนแส, พยาบาล, ร้านง่ายจับจ่ายเช่นๆ ปีกนิวาสสถาน อุตสาหกรรมถุงพระหัตถ์ยาง-ถุงสวมมือสถานีอนามัยด้วยกันหน้ากากอนามัยต่างๆ ฯลฯ เพื่อกลางเมืองส่วนใหญ่ทั่วนายและลูกจ้างตกระกำลำบากเต็มที่ๆ แม้แต่ CEO สายการบินโค่งลดหลั่น 2 รองลงมาจากขนมจากงานเหินไทยออกมาเจาะจงดุรอบนี้ไม่ฉลาดว่าจะสรรหานิรุกติอะไรที่จะสื่อสารแหว “สาหัสสากรรจ์หนักหน่วงมากๆ”ได้มีโอกาสหมุนเวียน (เงินตรา)สังสนทนากับผู้ผลิตผู้ประดิษฐ์การทำงานมากรายออกมาณวันเวย์กันว่า “การทำงานแย่เท่าประคองตัวมอบพ้นไปก็พ่างไม่ได้ต่อจากนั้น” การงานส่งออกคำบัญชาซื้อ3 เดือน 3 ยังไม่มาส่วนมากเป็น “Short Order” เพราะในที่ต่างประเทศเศรษฐกิจรุนแรงกระทั่งแหลมทองเป็นพิเศษประเทศสหรัฐอเมริกามากโรงงานยังเปล่าถลกประกอบด้วยงานทำ “Work from home” อยู่กับนิวาสสถาน สรรพสิ่งแห่งส่งเจียรก็ไม่มีมนุษย์จากไปรับสารภาพสถานที่พอร์ต การถลก L/C ณต่างด้าวช่วงนี้ติดจะทุถ้าขายภาคเรียนชนิด T/T มีการหยัดหนี้สินออกจร 2-3 จันทร์ผลสถานที่สะท้อนออกมามองเห็นได้มาจากส่งออกจันทร์พฤษภาคมหดถึงร้อยละ 21 ต่ำสุดในที่รอบหลายปี กะแหวดวงเดือนรองลงไปๆ เจียรจากนี้การส่งออกจะอีกต่างหากทรุดตัวไม่ว่างเว้นเป็นเหตุให้ทั้งปีอาจติดลบอัตราร้อยละ -10.3 เป็นจำนวนเงินแห่งหายป่วยจากไปกะ 7.857 แสนกล้อนบาทเงินปริมาณตรงนี้ไม่ใช่น้อยๆถ้าสืบค้นการส่งออกจันทราพฤษภาคมผ่านพบดุคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรม 3 ณ 4 เล็กลงเฉลี่ยดำเกิงถึงเปอร์เซ็นต์ 25.5 สถานที่อาการหนักสุดๆ อาทิเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์หดจดเปอร์เซ็นต์ -62.5, ยางพารา -42.02, อุตสาหกรรมสถานที่เกี่ยวพันเหล็ก -35.12, เครื่องใช้ไฟฟ้า -26.74, คอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ เป็นต้น ผู้ส่งออกพื้นที่เกษตรก็บากบั่นพอๆ กันทั้งอาหาร, ยางพารา, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ซูโครสทั้งสิ้นหดหมดด้วยกันทำเอากำลังวังชาการผลิตด้วยกันมหุรดีการทำงานสิ่งของสถานประกอบการต่างๆลดน้อยลงแรงงานที่ท้องถิ่นด้านกลุ่มนี้มีเรื่องอ่อนขณะเมื่องานว่าจ้างใหม่จะอีกทั้งไม่กลับมานอกจากนี้พื้นที่ด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะคลายล็อกจรเต็มที่สุดแท้แต่กรณีอ่วมทั่วนายจ้างกับมนุษย์สถานที่เตะฝุ่นจากไปก่อนหน้า การกเจียนลงมาเป็น “New Normal” ไม่ตามเดิมเพราะว่ากำลังซื้อปราศจากเป็นเหตุให้ตลอดห้างสรรพสินค้าค้าปลีก ร้านรวงย่อย ผู้ให้บริการต่างๆ ผู้ใช้หายป่วยจากไปไม่น้อยดุ 1 ในที่ 3 แม้แต่ตลาดสดแผงลอยหายป่วยจากไปตั้งแต่มนุษย์ลงมาจับจ่ายใช้สอยจรจวบจนถึงพ่อค้าคนขายของรายย่อยประกอบด้วยการประมาณว่าหมู่ค้าปลีกที่ผ่านมาเสื่อมเสียจรไม่ใช่หยอกกว่า 3.3 แสนกล้อนเท้า ปีกตะเวนตลอดในที่ด้วยกันต่างชาติเงินรายได้หายป่วยจรกะ 2.4 เลี่ยนกล้อนเท้านึกดูครอบครองส่วนสัดเปอร์เซ็นต์ 92.3 ประมาณการแหวจำนวนคนเดินทางต่างด้าวพรรษาตรงนี้จะเหลือหลอพ่าง 8 ล้านมนุษย์น้อยลงขนมจากปีที่แล้วสถานที่เข้ามาเที่ยวปริมาณถึง 40 เลี่ยนคน ปลดปล่อยล็อคเฟส5 เอาใจช่วยบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยฟื้น ทว่าถ้าน่านฟ้าอีกทั้งทำให้หยุดทำใจกำลังซื้อหาย40% ศบคมันสมองปริปากกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติท่องเที่ยวเข้าไปแหลมทอง – ทร้างไปเวล บับเบิล เริ่มส.ค.63 เห็นจำนวนนี้จากนั้นคงรู้คว้าดุพื้นที่ท่องเที่ยวและกำลังแรงงานสถานที่เกี่ยวข้องถือสิทธิ์กรณีเดือนร้อนปานใด ก่อนขยายล็อกจันทราเดือนมีนาคม-มิถุนายนจำนวนคนตกงานประกอบด้วยบริบูรณ์รัฐบาลต้องกู้เงินเข้าเยียวยาใช้เงินเจียรไม่ใช่หยอกกว่า 6.0 แสนเลี่ยนบาทเพราะว่าทั้งหมดเศรษฐกิจจริงยังเปล่าร่วมสินทรัพย์แก้ไขสรรพสิ่งรัฐบาลอาจหายเจียร 3.515 กล้อนล้านเท้าตัวเลขนี้อีกทั้งไม่สรุปความเสื่อมเสียจากพื้นที่บริการด้วยกันพื้นที่นาจำนวนตรงนี้ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจตอนนี้สาหัสสากรรจ์เพียงใดโจทย์สถานที่ตามมา ถือเอาว่า สภาพคล่องการทำงานจะมีกรณีเปราะรุ่งเรืองเห็นได้จากหนี้เสีย “NPL” สรรพสิ่งสถาบันการเงินขณะนี้ประกอบด้วยประมาณการ 4.9 แสนล้านเท้าและเริ่มเห็นอาณัติสัญญาณการเสี่ยงชนิดโดยปริยายสิ่งของลูกหนี้ซึ่งอยู่ที่ “Stage 2” ปริมาณสินทรัพย์ 1.254 กล้อนล้านเท้าจำนวนรวมนี้เป็นหนี้เป็นสินสรรพสิ่งท้องที่ธุรกิจเอกชนสัดส่วนร้อยละ 71.3 ซึ่งส่วนมากประกอบด้วยการยืดหนี้จรปลายไตรมาส 3 แม้เลยจากนี้จักตกเป็น “NPL” สินทรัพย์แห่งหนหมดหน้าตักจะทำให้กิจธุระทยอยเลิกกิจการสอดคล้องกับการวิเคราะห์สรรพสิ่งกรรมการแนวนโยบายการคลัง (กนง.) สถานที่เจาะจงแหวไตรมาส 2 การหดเนื้อตัวทางเศรษฐกิจจะก่อสถิติอุดม คาดคะเนว่าอาจประกอบด้วยผู้ว่างงานค้างอยู่ประมาณการ 2-3 ล้านมนุษย์ตรงนี้จักแก้ไขอย่างไรขณะเดียวกันสภาพคล่องสิ่งของกลางเมืองอยู่ในที่อาการหนักเห็นได้มาจากหนี้ครัวเรือนเท่าชันษาฝ่ายเดียวพองตัวร้อยละ 4.78 ครอบครองเม็ดเงิน 6.433 แสนกล้อนบาทยังไม่ร่วมเงินกู้ซอฟท์โลนมอบท้องถิ่นการงาน 5.3 แสนเลี่ยนบาทและเงินกู้ภายใต้พรกรัมการเงินที่จะนำมาใช้บูรณะเศรษฐกิจอีก 1 เลี่ยนเลี่ยนบาทการอุบัติของเศรษฐกิจแหลมทองตอนครึ่งหนึ่งพรรษาพระขนองกำลังซื้อภายในจะหายจรการจ้างงานจักอีกต่างหากเปล่ากลับมาเช่นเคยเสียแต่ว่าชาวไทยยังพอใจท่องเที่ยวระยะเชิงมิถุนายนครั้นคลายล็อกสถานที่ตะเวนต่างๆเต็มไปด้วยประชาชนโรงแรมแปลง (ใช้แก่ที่)พัทยา-ศรีษะหินบริบูรณ์แต่จักครอบครองเท่าชั่วประเดี๋ยวเพราะว่าฉลองเด็กใกล้จักเปิดภาคเรียนหรือไม่จำเป็นต้องแกะรอยด้วยว่าพวกสถานที่ “เงินไม่ค่อยมีเสียแต่ว่าอารมณ์ทางใจจรด” อีกทั้งชอบท่องเที่ยวหรือไม่ก็รูดตั๋วเก่ง ยังเปล่าเตะฝุ่นก็อีกทั้งใช้เงินต้นฉบับเปล่าคิดหน้าคิดหลัง จำเป็นจะต้องรู้แหวอันที่จะตามมาพระขนองโคโพง-19 คือเรื่องอ่อนสรรพสิ่งงานว่าจ้างพร้อมกันเจียรกับวิกฤตสภาพคล่องทั้งสรรพสิ่งนายจ้างด้วยกันกลางเมืองทว่าสถาบันการเงินรอบตรงนี้กอดทรัพย์สินแน่นเปล่าแน่นอนไม่ช่างทรัพย์สินง่ายดาย แถมมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยเปล่ามอบธนาคารจับจ่ายเงินปันผลหรือไม่ก็จับจ่ายหุ้นกู้จักเป็นเหตุให้เงินไถ้แบงก์ซึ่งจะทำเอากระบิลสถาบันการเงินสิ่งของไทยมีความแข็งแกร่งต่างจากไปขนมจากวิกฤตต้มยำกุ้งครั้นชันษาพุทธศก2541สภาพคล่องสิ่งของประเทศจะเป็นหลุมพรางสรรพสิ่งการฟื้นฟูสภาพทางเศรษฐกิจ เป็นโจทย์ทุคอยคณะเศรษฐกิจของรัฐบาล “กำลังดีเลิศประยุทธ์ จันทราโอเมี่ยง” จักเป็นกองเก่าก่อนหรือชุดนวชาตลงมาแก้ไขนายกฯณสถานะผู้นำประเทศจำเป็นต้องหาญกล้าตัดสินใจแหวปัญหาเศรษฐกิจคราวนี้ไม่เหมือนเดิมณยามแห่งหนการทำงานโดยเฉพาะเอสเอ็มอีใกล้เจ๊งขาดสภาพคล่องมนุษย์ปราศจากการงานสร้างที่ว่าการสิงสู่จากนั้นทั้งนั้นประกอบด้วยความเสี่ยงกลางเมืองเป็นส่วนใหญ่พ้นไปเงินใช้จ่ายแม้จักทำกระไรก็เร่งทำแต่เหล่าโปรเจคทำการค้าจินตนามันสมองมันสมอง.ไม่เอาหนอครับ