โดยมันสมองมันสมอง.ทอง อายุ ดินฟ้าอากาศแห่งประเทศไทยเป็นอย่างไร แห่งโตเกียวประเทศญี่ปุ่นก็ดำรงฐานะเช่นนั้น อากาศกำลังร้อนอบอ้าวกับประกอบด้วยฝนลงเม็ด ไม่ก็แห่งหนภาษาดั้นด้นเรียกหาดุ โลว์ซีซั่น ไม่ก็ กรีน ซีซั่น อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดีโตเกียวก็อีกต่างหากไม่สิ้นไร้นักเดินทางและกรุ๊ปการเดินทาง ติดตามสถานที่ท่องเที่ยวประธานอีกทั้งเต็มไปด้วยมนุชท่วมภาษามนุษย์ โดยเฉพาะภาษาไทยและเมืองจีนที่ได้ข่าวกระเป๋าแห้งชินหู ดังที่เป็นข่าวมีชื่อเสียงไปเมื่อเดือน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครู แหว ชาวไทยสามารถเข้าไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นได้เพราะว่าไม่ต้องตาขอวีซ่าเป็นเวลา 15 ทิวา ก่อสร้างน้ำบ่อหน้าจ่ายบริษัทการเดินทางจัดตั้งขึ้นยอมรับชาวไทยจำนวนหลายที่น่าตะเวนเจียรญี่ปุ่น แต่อันเหตุเดิมขึ้นไป คือ “คนไทยจรไม่จังชนิดที่คิดดูไว้” มัคคุเทศก์เขตทูลและคะเนดุ คงเป็นเพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงๆโลว์ซีซั่น หรือเปล่าแบบนั้นคนไทยคงจะนึกดูแหวญี่ปุ่นลงมาประพาสคว้าหวานคอแร้งจากนั้น แล้วจึงไม่ต้องรีบร้อนมาตอนนี้ก็ได้ เสียแต่ว่าตอนที่ชาวไทยน่าจะถล่มเข้าไปน่าจะเป็นดวงเดือน ต.ค.พ.ยมันสมอง ช่วงปลาสลิดเปลี่ยนสี ด้วยกันเดือน ประกอบด้วยมันสมองคมันสมองเม.ย. ตอนกุสุมาลย์เบ่งบาน เกี่ยวกับช่วงฤดูฝนระหว่างจันทรา ก.ค.ส.ค. แม้จะมีพิรุณจ่ายรำคาญแต่คนญี่ปุ่นยังคงเดินกักคุมแจกพล่านและม้วนรถถีบตามปกติ แค่จำต้องพอกพูนเครื่องไม้เครื่องมือร่มครึ้มและชุดกันฝนประจำตัวเจียรกระทำ สิ่งเอ็ดที่เป็นเหตุให้ชาวไทยอยากดำเนินกลางๆพิรุณเช่นกัน น่าจะเป็น “ฟุตปาท” แห่งหนไม่ต้องคลางแคลงน้ำพุใต้กระเบื้องปูพื้น และไม่ต้องรอชาคริตร่มเจียรเกี่ยวสินค้าข้างทางหรือว่ากระบาลมนุษย์ติดกับ เพราะฟุตขว้างทเหลือหลอแห่งแจกเดินโกร๋งเกร๋งมาก ยิ่งไปกว่านี้ผิจักกำหนดครึ้มอยากเชิญจ่ายกะเกณฑ์ “ร่มชัดเจน” ชนิดที่ชาวญี่ปุ่นถูกใจใช้ห้าม ไม่ใช่เช่นนั้นเหมือนความสอดคล้อง แม้ว่าร่มแจ้งจักทำให้ดีฉันเห็นอานุภาพสรรพสิ่งเม็ดฝนที่เกิดขึ้นรอบตัวคนแห่งคุ้นแลดูการ์ตูนกรณีโดราเอมอน ทรงไว้รู้จักมักคุ้นดอยปฤษฎางค์วิทยาคารแห่งหนตุ่ยเลขฐานสองะโดยมากจรแอบซ่อนความลับเก็บแห่งนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงประเทศญี่ปุ่นก็เป็นเช่นนั้น มิได้แหวประกอบด้วยเท่าโดราเอมอนและโป่งบิตะตัวจริง แม้ว่าประกอบด้วยดอยเขียวชอุ่มสิงสู่ไล่หลังเรือน ขนองตึกเหมือนแห่งภาพตลก ซึ่งเกิดผลมาจากทำเลของประเทศญี่ปุ่นที่เกิดขนมจากการต่อสู้กันระหว่างกระบิเปลือกโลก 4 กระบิ ทำเอาประเทศญี่ปุ่นมีภูเขาไฟและภูเขาโหรงเทอะทะมีขึ้นจรตลอด ‘ดุสิตธานี’ ทยอยถกบริการโรงแรม ย้ำความปลอดภัย รับสารภาพมาตรการได้สติดั้นด้น กรมโยธาธิงานฯเร่งปรับภูมิทัศน์หาดสีม่วงเฉิดฉินได้สติการสัญจร สูงสุดเข้าน่าฝนดังนี้จากนั้น จ้องจรทางใดก็ประสบแต่เช็ดเหม็นเขียว ครึ้มแจ่มกระจ่างแห่งเรากำหนดสิงสู่จะเป็นเหตุให้เห็นเช็ดข้างนอกรอบกาย เพราะความโปร่งแจ้งไม่ไหวขู่เข็ญแจกเราเหล่เจียรข้างหน้าชนิดข้างเดียว แม้ว่าอีกทั้งมองเห็นด้านบนด้วยกันรอบข้างคว้าชัดเจนยิ่งไปกว่านั้นครึ้ม “พวกกิโมโน” ครอบครองอีกสิ่งแห่งน่าจะกล่าวถึงณเขตศาสนาเชนจูโป้ปดมดเท็จ ชิบูยะ ฮาราจุโกหก สามย่านชอบสรรพสิ่งหนุ่มสาวและมนุษย์ทำงานดำรงฐานะอู่ศึกษาแบบอย่างแห่งดีที่สุด ซึ่งในเวลานี้แบบอย่างงานแต่งหน้าของผู้หญิงแห่งหนกำลังมาแรง ลงความว่า ทาบลัชออน (Blush On) เป็นปึ้ดสีชมพูล่างตา คนไทยเห็นจากนั้นระแวงแหวไฉนเหล่าเธอไม่ทำให้เรียบแจกเต็มโหนกแก้ม ไกด์ท้องถิ่นกระซิบบ่งบอก “เลี่ยนดำรงฐานะแฟชั่นพึ่งลงมานวชาต” ย้อนถามไกด์ว่าขาน ชุดกิโมโนแห่งรุ่นตรงทางข้ามเหยาะครอบครองแบบอย่างนวชาตด้วยหรือไม่ ไกด์ซูบ “นั่นเป็นเรื่องปกติแห่งหนเหน้าญี่ปุ่นจักเหยาะพวกกิโมโนเจียรท่องเที่ยว” เป็นพิเศษเดตแต่ต้นกับดักคนรัก ด้านสตรีจักนิยมใส่จังที่สุดชุดกิโมโนเป็นชุดประจำชาติเทียบเท่าชุดไทยบ้านดีฉัน เสียแต่ว่าผิเราใส่พวกประเทศไทยเจียรเดินสยามพารากอนคงนึกดูตวาดดำรงฐานะนาฏการงานไหนสักธุรกิจ ผิดกับญี่ปุ่นที่เห็นพวกกิโมโนเป็นเสื้อแสงที่สวยหรูกลุ่มเอ็ด เปล่าหกกาลเวลากระฉอกกาลเวลา และไม่แปลกผิมนุษย์จักใส่ดำเนินบนบานถนน มัคคุเทศก์ท้องที่ กล่าวว่า “ธรรมเนียมญี่ปุ่นเข้มแข็งมาก” ไม่ว่าจักเกิดเรื่องงานแต่งตัว อาหาร ระเบียบวินัยแห่งเข้าผู้เข้าคน แม้ว่าก็ครบครันยอมรับชิ้นนวชาตๆ ชนิดธรรมเนียมทิศตะวันตก เทคโนโลยี แบบอย่างติดสอยห้อยตามแนวทางพื้นโลก ประเทศญี่ปุ่นแล้วจึงเทียบเท่ารุ่นเหยาะกิโมโนแห่งทาบลัชออนใต้นัยน์ตานั่นเองยิ่งไปกว่านี้ คนญี่ปุ่นมีความประพฤติหนึ่งแห่งหนชาวไทยเหลือบเห็นจากนั้นยังต้องสนิทพาม ตกว่า “การลองดูเซียมซี” ตามตรวจวัดเช่นเดียวกับๆ อย่างวัดติดอยู่มาลุกระ แห่งหนตั้งไดรองทสึ ไม่ก็พระสงฆ์เทิ่งแห่งเมืองค้างลงมาคุระ ไม่ก็แห่งตรวจวัดอาลดลงโกหกซะ วัดแห่งหนมีดวงประทีปอสุรีแห่งโย่งตกขอบณพื้นโลก จักประกอบด้วยตู้เหยาะใบเซียมซีจัดเรียงกักคุมเป็นตระทั้งที่วัดข้างนอกวัด ยิ่งกว่าจำนวนร้านค้าของขลังด้วยกันที่ระลึกเสียอีก ผิดแผกแตกต่างขนมจากตรวจวัดไทยที่จะเสี่ยงเซียมซีกันใบหน้าปฏิมากรหรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเสี่ยงจากนั้นคำทำนายเป็นเรื่องงดงามจ่ายนำกลับบ้าน แต่ถ้าหากเป็นเรื่องร้ายมอบผูกกระดาษเก็บที่เช่น ไม่ต้องจับกลับเช่นประเทศไทยแห่งจับไปจี่กะหมอกแผ่ขยายไปจวบจนถึงที่พิพิธภัณฑสถานราเม็งที่เมืองเชนโยพี่ฮาลงมา แห่งได้มาจำลองแว่นแคว้นโตเกียวแห่งชันษาโชวะ 33 หรือ คริสต์ศักราช 1958 ชันษาที่บะหมี่เศษหนึ่งส่วนสองสำเร็จรูปถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรก ในได้มาประมวลร้านค้าราเม็งมีชื่อเสียงณญี่ปุ่นปริมาณ 9 ร้านรวง กับใจกลางพิพิธภัณฑ์อีกทั้งเปล่าคลาดไปมีโต๊ะเซียมซีครบถ้วนกระดาษคำทายครบถ้วนจ่ายเสี่ยงทาย นั่นแสดงเหตุแหว สมัยโชวะ 33 ก็มีงานเผชิญดูเซียมซีหลังจากนั้น ทำให้อดอยากไตร่ตรองไม่ไหวตวาด หรือนี่จะครอบครองอีกเอ็ดธรรมเนียมชิ้นเก่งสิ่งของคนญี่ปุ่นแห่งได้ยึดมั่นห้ามมาตั้งแต่สมัยโบราณทดลองจ้องญี่ปุ่นผ่านร่มครึ้มใส กลุ่มกิโมโน และเซียมซี เกินจริงตวาดจะได้มาเห็นชีวิตผ่านสิ่งไม่มีชีวิตได้มามากมาย “หัวมุมมอง” ตกว่าอันประธานที่จะเป็นเหตุให้ดีฉันเที่ยวหามุมใหม่แล้วจ้องเข้าไป พิสูจน์จ้องตรีสิ่งตรงนี้อีกที หลงเชื่อว่าแต่เว้นมนุษย์ก็จะมองเห็นหัวมุมสรรพสิ่งตัวเอง